20พระลกุณฏกภัททิยะเถระ
เอตทัคคะในทางผู้พูดเสียงไพเราะ
พระลกุณฏกภัททิยะ เกิดในตระกูลมหาเศรษฐี ในกรุงสาวัตถี มีชื่อเดิมว่า “ภัททิยะ”
เมื่อเจริญวัยอายุมากขึ้นแต่ร่างกายของท่านไม่เจริญเติบโตตามอายุยังคงมีร่างกายเล็กต่ำเตี้ย
เหมือนเด็กวัย ๑๐ ขวบ ชนทั่วไปเมื่อจะจึงเรียกชื่อท่านก็จะเพิ่มคำว่า “ลกุณฏกะ” ซึ่งหมายถึง
ต่ำเตี้ย ไว้ข้างหน้า ชื่อของท่านด้วย จึงเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า ท่านภัททิยะเตี้ย หรือ ท่านภัททิยะ
แคระ
- คนแคระก็บวชได้
ในโอกาสที่พระผู้มีพระภาคเสด็จมาประทับ ณ พระเชตะวันมหาวิหาร หมู่อุบาสก
อุบาสิกา ชาวเมืองสาวัตถุ ทราบข่าวการเสด็จมาของพระพุทธองค์ ต่างก็ถือดอกไม้และของหอม
เครื่องสักการะทั้งหลาย ไปเข้าเฝ้าเพื่อฟังพระธรรมเทศนา ลกุณฏกภัททิยะ ก็ได้ติดตามไปร่วม
ฟังธรรมด้วย เมื่อพระพุทธองค์แสดงพระธรรมเทศนาจบลงแล้ว ท่านก็เกิดศรัทธาอย่างแรงกล้า
ปรารถนาที่จะบวชในพระพุทธศาสนา เมื่ออุบาสกอุบาสิกา พากันกลับเคหสถานของตน แล้วได้
เข้าไปกราบทูลขอบรรพชาอุปสมบท พระพุทธองค์ประทานให้ตามความประสงค์
พระลกุณฏกภัททิยะ ครั้นได้อุปสมบทแล้ว ได้เรียนพระกรรมฐานในสำนักของ
พระบรมศาสดาแล้ว กราบทูลขอปลีกตัวออกไปจากหมู่คณะไปอยู่ในที่อันสงบสงัดปฏิบัติความ
เพียร ไม่นานนักก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล เป็นพระอริยบุคคลชั้นต้นคือพระโสดาบัน ซึ่งจะต้อง
เพียรศึกษาปฏิบัติให้ได้บรรลุมรรคผลชั้นสูงขึ้นอีก
เพราะความที่ท่านมีรูปร่างเล็กและเตี้ย จึงเป็นที่ชวนหัวเราะแก่ผู้พบเห็น วันหนึ่ง หญิง
แพศยานั่งรถมากับพราหมณ์หนุ่มคนหนึ่ง เพื่อไปเที่ยวชมมหรสพ นางผ่านมาเห็นพระเถระแล้ว
คงจะเห็นว่าท่านตัวเล็ก ทั้ง ๆ ที่ดูลักษณะน่าจะมีอายุมาก นางจึงหัวเราะลั่นจนมองเห็นฟันใน
ปาก
พระเถระเห็นฟันของหญิงแพศยานั้นแล้ว ถือเอานิมิตนั้นเป็นอารมณ์พิจารณาว่าเห็นของ
ปฏิกูล สกปรก น่าเกลียด จนได้สำเร็จเป็นพระอนาคามี และต่อมาท่านได้ฟังธรรมกถา อันเป็น
โอวาทจากพระสารีบุตรเถระ จิตก็หลุดพ้นจากกิเลสาสวะ สำเร็จเป็นพระอรหันต์- ถูกล้อเลียนว่าเป็นสามเณร
พระลกุณฏกภัททิยะ นั้น เพราะความท่านเป็นผู้มีรูปร่างเล็กและเตี้ยเหมือนสามเณร
จึงเป็นเหตุให้พระหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายที่เป็นปุถุชน ชอบล้อเลียนท่านด้วยความคึกคะนอง
ชอบหยอกล้อท่านเล่นด้วยการจับศีรษะบ้าง ดึงหูบ้าง จับจมูกบ้าง แล้วพูดหยอกล้อท่านว่า:-
“แนะสามเณรน้อย ไม่อยากสึกหรือ ยังชอบใจประพฤติพรหมจรรย์อยู่อีกหรือ ?”
และครั้งหนึ่งมีภิกษุประมาณ ๓๐ รูป มาจากถิ่นอื่น เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค ได้เดินสวน
ทางกับ พระลกุณฏกภัททิยะ ซึ่งท่านเพิ่งมาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์แล้วก็กลับไป พระพุทธองค์
ตรัสถามภิกษุเหล่านั้นว่า:-
“ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอเห็นพระเถระรูปหนึ่งเดินสวนทางไปหรือไม่ ?”
“ไม่เห็น พระเจ้าข้า”
“พวกเธอเห็น มิใช่หรือ ?”
“เห็นแต่สามเณรองค์เล็ก ๆ เดินสวนทางไป พระเจ้าข้า”
“ภิกษุทั้งหลาย นั่นแหละ คือพระเถระ”
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ รูปร่างของท่านเล็กเหลือเกิน พระเจ้าข้า”
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตไม่เรียกบุคคลว่า “เถระ” เพราะความเป็นคนแก่ มีผม
บนศีรษะหงอก และเพียงสักแต่ว่านั่งบนอาสนะพระเถระเท่านั้นท่านเหล่านั้น ตถาคตเรียกว่า
“พระแก่เปล่า” ส่วนท่านที่มีสัจจะ คือริยสัจ ๔ มีธรรมะ มีความสำรวม รู้จักข่มใจ ไม่เบียด
เบียนผู้อื่น และมีปัญญา ท่านเหล่านี้ ตถาคตเรียกว่า “เถระ”
- ได้รับยกย่องว่าพูดเสียงไพเราะ
พระลกุณฏกภัททิยะ แม้จะมีร่างกายที่ไม่ปกติและไม่เหมือนกับภิกษุอื่น ๆ อันเป็นหตุ
ให้ท่านถูกล้อเลียนด้วยวิธีต่าง ๆ แต่ท่านก็ไม่เคยโกรธเคืองเลย เพราะท่านเป็นพระอรหันต์
ขีณาสพ ไม่มีกิเลสาสวะ แล้ว นอกจากนี้ท่านยังมีความสามารถพิเศษ คือปกติท่านแสดงธรรม
สั่งสอนพุทธศาสนิกชนและเจรจาประกอบด้วยถ้อยคำและน้ำเสียงอันไพเราะ เป็นที่เสนาะโสต
แก่ผู้ฟังทั้งหลาย อันเป็นเหตุนำมาซึ่งความเลื่อมใส
ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาค จึงทรงยกย่องท่านในตำแหน่ง เอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุ
ทั้งหลายในทาง ผู้พูดเสียงไพเราะ
ท่านพระลกุณฏกภัททิยะ ดำรงอายุสังขาร ช่วยกิจการพระศาสนาอยู่พอสมควรแก่กาล
เวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน
84000.org...::
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น